ภูคราม (Bhukram)

แบรนด์ทีนำเสนอความงามบนผืนผ้าด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบตัว



        มะเหมี่ยวเป็นคนอำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร แต่เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานเป็นนักประวัติศาสตร์ชุมชน การลงพื้นที่คลุกคลีกับชาวบ้านหลายจังหวัดทำให้เธอเข้าใจวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น ยิ่งพบปะผู้คนมากขึ้น หญิงสาวก็เริ่มตั้งคำถามถึงชุมชนบ้านเกิดที่ตนเองจากมา
“เราทำงานกับชุมชนเยอะ และใช้ความรู้เชิงบูรณาการของตัวเองเพื่อพัฒนาชุมชนอื่นๆ จนรู้สึกเหมือนเป็นลูกหลานบ้านนั้นบ้านนี้ แต่ไม่ได้คลุกคลีกับชุมชนบ้านเกิดเลย แม้กระทั่งกลับไปบ้าน ก็แทบไม่รู้จักใครหรือจำชื่อคนไม่ได้แล้ว อยู่บ้านเฉยๆ กับครอบครัว ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใคร เลยคิดว่าทำไมถึงไม่กลับไปใช้ความรู้ของเราพัฒนาที่บ้านบ้าง รวมกับความรู้สึกอยากกลับบ้านเพราะว่าอยู่กรุงเทพฯ มานาน และอยากกลับไปดูแลครอบครัวด้วย”
ความคิดถึงบ้านของเธอก่อตัวตั้งแต่เห็นชาวบ้านภูพานกลับมาทอผ้ามากขึ้นเพื่อทำผ้าพันคอและผ้าคลุมไหล่ย้อมครามเพื่อส่งขาย หลังจากที่หยุดทอผ้าถุงใช้เองและเลิกย้อมครามมานานหลายปี หญิงสาวช่วยรับของจากป้าๆ น้าๆ ที่อายุมากมาขายในออฟฟิศที่กรุงเทพฯ ผลตอบรับที่ดีเกินคาดทำให้เธอเริ่มจริงจัง และในที่สุดก็ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับบ้านและทำธุรกิจร้านผ้าย้อมครามอย่างเต็มตัว แม่ค้ามือใหม่เข้าอบรมด้านดีไซน์และธุรกิจแบบ Social Enterprise เพื่อค้นหาว่าจุดเด่นที่จะทำให้แบรนด์ของเธอแตกต่างจากคนอื่นๆ คืออะไร
คำตอบรอคอยเธออย่างสงบอยู่ที่บ้าน ภูมิปัญญาการปลูกฝ้าย เข็นฝ้าย ทอฝ้าย และย้อมครามอยู่ที่ภูพานมาเนิ่นนานแล้ว มะเหมี่ยวละทิ้งการขายผ้าเรยอนทอตามแพตเทิร์นที่แพร่หลายในสกลนครในขณะนั้น และชักชวนชาวบ้านให้กลับไปทำสิ่งที่พวกเขาเคยเชี่ยวชาญอีกครั้งโดยคุณเหมี่ยวได้เริ่มลงพื้นที่ชุมชนต่างๆ มากมาย ว่าชุมชนบ้านตัวเองกลับไม่มีใครรู้จัก เธอจึงกลับมาบ้านเกิดเพื่อลองดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง เมื่อประมาณ 3–4 ปีก่อน ในชุมชนเริ่มกลับมาทอผ้าและย้อมสีธรรมชาติ เธอจึงเอามาให้เพื่อนๆที่ออฟฟิตดูปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดี เธอจึงเริ่มอยากรื้อฟื้นและเห็นเสน่ห์ของชุมชนตัวเองมากขึ้นและค่อยๆศึกษาว่าชุมชนตัวเองมีอะไร เริ่มดึงดูดคุณค่าออกมา และค่อยๆทำผลิตภัณฑ์



“ตั้งแต่แรกที่เราร่วมกันทำกับชาวบ้าน เราเน้นความสุขในการทำงาน เพราะเราอยู่ได้เมื่อชาวบ้านมีความสุข เราเคยคิดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเยอะๆ พอมาคำนวณดู ถ้าเพิ่มเยอะแล้วความสุขจะลดลงมั้ย คุยกับชาวบ้านตลอดจนรู้ใจกัน เขาเริ่มรู้แล้วว่าเหมี่ยวจะไปได้ เขาก็ต้องทำของที่ดีมีคุณภาพ
“เราไม่ได้ตั้งเป้าว่าภูครามจะได้เงินมากๆ แต่สิ่งที่วางแผนไว้คืออยากจะอยู่กับชุมชนที่ทุกคนมีความสุข มันอาจจะเป็นภาพฝันหน่อย แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เขามีรายได้ เรามีรายได้ เราเอื้อกันและกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วก็เติบโตไปด้วยกันในเชิงพัฒนาคุณภาพชีวิต เราต้องเห็นและเข้าใจจริงๆ ว่าชุมชนต้องการอะไร ไม่ใช่แค่เราคนเดียว ในเมื่อเราลงมือทำกับชุมชนแล้ว เราทิ้งเรื่องนี้ไม่ได้”
รายได้ที่สม่ำเสมอตลอดทั้งปีจากภูคราม ช่วยให้ผู้หญิงในชุมชนไม่ต้องรอเงินก้อนจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตตามฤดูกาล พวกเธอช่วยเหลือครอบครัวได้มากขึ้นจากการแบ่งเวลามาทอผ้าหรือปักผ้า ในขณะเดียวกันก็ยังใช้ชีวิตประจำวัน เก็บเห็ด ดำนา และเลี้ยงลูก ไปตามปกติ
จังหวะชีวิตที่ต้องสอดคล้องกันทั้งชุมชนดูเชื่องช้าในโลกที่หมุนเร็วจี๋ แต่ระบบนิเวศของภูครามกำลังเติบโตอย่างยั่งยืน
เมื่อใจเย็น รอคอย และแบ่งปัน
ผลลัพธ์ของมันหอมหวานไปทั้งอุทยานภูพาน



ผลลัพธ์ของความเชื่องช้า
        สมัยนี้ถ้าอยากกินผลไม้ เดินเข้าห้างไปซื้อมาสักกิโลก็ได้ชิมรสหวาน ถ้าใจร้อนอยากได้ชุดสวย สั่งเสื้อสำเร็จรูปก็ได้ของเร็วทันใจ วิถีสะดวกสบายมีข้อดีนานัปการแต่ความอดทนมีดอกผลงดงามในแบบของมัน
เบื้องหลังผลผลิต 1 ผืนของภูคราม เปรียบเหมือนการปลูกผลไม้ทั้งสวนไว้ล่วงหน้า และรอคอย 2 – 3 เดือนกว่าชิ้นงานจะปรากฏ เริ่มจากปลูกฝ้าย รอไร่ครามเติบโต เก็บฝ้ายที่มีและรับซื้อฝ้ายจากบริเวณใกล้เคียงมาเข็นฝ้ายสำหรับทอ อาจผสมฝ้ายโรงงานเท่าที่จำเป็น และใช้สีย้อมธรรมชาติทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสีจากต้นคราม เปลือกมะม่วง เปลือกประดู่ แก่นต้นเข หรือผลมะเกลือ แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการตัดเย็บและปักผ้า โดยมะเหมี่ยวจ้างช่างตัดเสื้อจากกรุงเทพฯ มาสอนเรื่องแพตเทิร์นและเทคนิคต่างๆ ให้คนท้องถิ่นโดยเฉพาะ และรับช่างฝีมือดีที่กลับมาอยู่บ้านเข้าทำงาน เพื่อให้การผลิตทุกขั้นตอนของแบรนด์มาจากชาวภูพานจริงๆ

ส่งต่อธรรมชาติ

        ปัจจุบันภูครามมีหน้าร้านออนไลน์และออกร้านตามตลาดสินค้าดีไซน์ ของออร์แกนิก สินค้าชุมชน รวมถึงวางจำหน่ายชั่วคราวในห้างสรรพสินค้าและส่งผ้าคลุมไหล่สำหรับกิโมโนไปญี่ปุ่น ขอเพียงลูกค้ามีเวลารอคอยกระบวนการสักหน่อย ภูครามจะรับออเดอร์ผ้าฝ้ายปักดอกไม้น่ารักแบบดิบๆ ตาม signature ของแบรนด์

“เรานั่งถามตัวเองว่าภูครามขายสินค้าอะไร รู้สึกว่าขายธรรมชาติในมุมมองของเรา ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอน วิถีชีวิตของชาวบ้าน หรือกระทั่งการปักลายธรรมชาติรอบตัว บางทีคนซื้อชอบมาก เราก็จะดีใจมาก เพราะกว่าจะได้ผืนหนึ่งมันยากมากเลย อย่างพวกเสื้อ เวลาออกแบบช่างกับเราจะช่วยกันเยอะมาก พยายามทำให้มันใส่ง่าย ใส่สบาย และสวยงามตรงใจตลาด ลูกค้าส่วนมากของเราเป็นลูกค้าเดิมที่กลับมาซื้อซ้ำ เป็นคนรักธรรมชาติ ชอบงานผ้า งานอนุรักษ์ และอยากสนับสนุนเรื่องนี้ เราก็พยายามออกแบบรูปแบบใหม่ๆ ให้พวกเขาใช้ได้”
มะเหมี่ยวตบท้ายด้วยรอยยิ้ม ฉันลูบผ้าคลุมไหล่สีน้ำเงินลายดอกไม้ป่าที่เธอวางขายแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ รอยปุ่มป่ำนุ่มนวลที่มือสัมผัสมีโลกธรรมชาติบรรจุอยู่ทั้งใบ




ผู้ก่อตั้ง : คุณปิลันธน์ ไทยสรวง (เหมี่ยว)
นักประวัติศาสตร์ชุมชน ผู้ทำงานเชิงประวัติศาสตร์บูรณาการ
Facebook : ภูคราม Buckram